20 ผลไม้น่าปลูกไว้กินรอบบ้าน ปลูกง่าย ให้ประโยชน์ กินได้ตลอดปี

20 ผลไม้น่าปลูกไว้กินรอบบ้าน ปลูกง่าย ให้ประโยชน์ กินได้ตลอดปี

20 ผลไม้น่าปลูกไว้กินรอบบ้าน

ด้วยสถานการณ์โควิด – 19 ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้หลายคนมีเวลาอยู่บ้านมากขึ้นและอยากหากิจกรรมทำ แน่นอนว่าการปลูกผลไม้รอบบ้านเป็นเรื่องที่น่าสนใจ สามารถเก็บกินผลผลิต หรือหากผลผลิตมีจำนวนมากก็นำไปขายได้ ทว่าผลไม้น่าปลูกไว้กินรอบบ้านมีอะไรน่าสนใจบ้าง เรามีมาแนะนำให้ 20 ชนิด ดังนี้

20 ผลไม้น่าปลูกไว้กินรอบบ้าน ไม่ปล่อยให้เวลาว่างเปล่าประโยชน์

1. สับปะรด

ให้นำหัวสับปะรดที่เป็นส่วนใบไปแช่ในน้ำ แล้วรอจนกว่าจะมีรากงอก ซึ่งรากจะมีลักษณะเป็นจุดสีขาว (ประมาณ 3 – 4 สัปดาห์) และขณะที่แช่รอรากงอกต้องเปลี่ยนน้ำทุก 7 วัน เมื่อมีรากงอกให้นำไปปลูกในดินได้เลย หมั่นรดน้ำและให้อยู่ในที่ร่ม ควรใส่ปุ๋ยเป็นระยะ

2. กล้วย

เรียกได้ว่าเป็นผลไม้น่าปลูกที่เจริญเติบโตได้ง่ายมาก สามารถนำลำต้นที่มีขายมาปักลงดินได้เลย หมั่นรดน้ำ ใส่ปุ๋ยให้สม่ำเสมอ แต่แนะนำให้ปลูกกลางแจ้งได้รับแสงแดดเต็มที่ ออกผลให้เราได้กินตลอดทั้งปี เมื่อออกเครือแล้วให้ตัดออกเป็นการเปิดทางให้มีหน่อใหม่แตกออกมา จะได้กินอีกเรื่อย ๆ

3. มะม่วง

ปฏิเสธไม่ได้ว่ามะม่วงเป็นผลไม้ที่หลาย ๆ บ้านเลือกปลูก สามารถกิจได้ทั้งสุกและดิบ ส่วนใหญ่มักจะซื้อต้นอ่อนมาลงหลุม หรือเพาะจากเมล็ดก็ได้แล้วกลบดินให้เรียบร้อย จากนั้นรดน้ำให้สม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ยเดือนละ 1 – 2 ครั้ง ให้ร่มเงาให้บรรยากาศร่มรื่น ซึ่งควรปลูกให้ห่างจากตัวบ้านที่สุดเพราะรากแผ่ลงลึก ทำให้บ้านทรุดได้

4. ชมพู่

แนะนำให้เลือกเมล็ดมาเพาะจะง่ายที่สุด ไม่มีการกลายพันธุ์ โตได้เต็มที่แข็งแรงรวดเร็ว ทนต่อความแห้งแล้งได้ดี โดยเริ่มต้นหย่อนเมล็ดลงในดินเพาะที่นำดินร่วนผสมกับปุ๋ยคอก 3 : 1 ส่วน แล้วใส่ในถุงพลาสติก หลังจากที่หย่อนเมล็ดแล้วให้นำดินกลบ รดน้ำสม่ำเสมอ รอจนกว่าต้นจะสูงเกิน 50 ซม. จึงนำไปลงแปลงปลูกต่อได้

5. มะยม

เป็นอีกผลไม้น่าปลูกซึ่งวิธีการให้ใช้เมล็ดที่ได้จากผลไปตากแดด แล้วแช่ในน้ำร้อน 60 วินาที จากนั้นให้ใส่เมล็ดในหลุม โดยต้องใส่ไป 2 – 3 เมล็ดต่อ 1 หลุม จากนั้นกลบดิน รดน้ำเป็นประจำแล้วรอให้ต้นกล้าเจริญเติบโต จึงค่อยถอนออกจนได้ต้นที่แข็งแรงที่สุด อย่าลืมปลูกในพื้นที่โดนแสงแดดจัด

6. ต้นน้อยหน่า

สำหรับต้นน้อยหน่านี้นั้นสามารถขยายพันธุ์ได้หลากหลาย แต่ที่นิยมหนีไม่พ้นเพาะเมล็ดเพื่อให้ได้รากแก้วที่แข็งแรง วิธีการให้นำเมล็ดไปแช่ในน้ำ 1 คืน แล้วต่อด้วยแช่น้ำอุ่น 2 ชม. นำไปเพาะในกระบะแล้วกลบดินให้มิด รดน้ำให้ดินชื้นอยู่ตลอด ประมาณ 10 – 15 วันเริ่มงอก เมื่อแข็งแรงจึงไปไว้ในถุงเพาะชำแล้วใส่หลุมที่เป็นเนินดินสูง

7. ต้นแอปเปิล

เอาเมล็ดแอปเปิลที่มีสีแดงต่อผลมากกว่า 70% ที่อยู่ด้านในออกมา แล้วเลือกที่สมบูรณ์ที่สุดไปตากลมให้แห้ง นำไปห่อด้วยทิชชูแล้วพรมน้ำให้เปียก จากนั้นใส่ถุงพลาสติกแช่ตู้เย็น หลังจากที่มีรากงอกจากเมล็ดให้เอาไปลงหลุม ใช้ดินกลบแต่ไม่ต้องกดแน่น รดน้ำให้ชุ่ม หมั่นใส่ปุ๋ยและหาไม้ค้ำลำต้นไว้ด้วย

8. อะโวคาโด

เริ่มต้นผ่าเนื้อออกมาแล้วเอาเมล็ดด้านในที่มี 1 เมล็ดต่อผลไปเสียบไม้ประมาณ 3 – 4 ด้าน จากนั้นก็เอาไปพาดไว้ที่ปากแก้วโดยให้ด้านล่างของเมล็ดโดนน้ำในแก้วประมาณครึ่งต่อครึ่ง จากนั้นรอ 6 – 8 อาทิตย์ เมื่อมีรากงอกออกมาประมาณ 6 นิ้ว ให้ตัดออกจนเหลือ 3 นิ้ว รอจนมีใบขึ้นจึงนำไปปลูกในดิน

9. ต้นฝรั่ง

ต้นฝรั่งให้ใช้วิธีตอนกิ่ง โดยนำไปปักชำในแปลงจะยกร่องหรือไม่ได้หมด อย่าลืมรองพื้นหลุมด้วยมูลสัตว์หรือปุ๋ยคอก รดน้ำให้ชุ่ม และควรให้ต่อวัน 2 ครั้ง หมั่นใส่ปุ๋ย และกำจัดวัชพืชด้วย เมื่อมีผลออกให้ห่อด้วยกระดาษเอาไว้ ป้องกันสัตว์/แมลงมากิน หรือผลขึ้นรา

10. ต้นขนุน

เป็นต้นที่มีขนาดใหญ่ ควรปลูกเผื่อพื้นที่ไว้ 8 เมตร เพื่อให้พุ่งกระจายตัวได้ดี เหมาะกับการปลูกกลางแจ้งโดนแสงแดดทั่วถึง ให้ร่มเงา ควรเพาะจากเมล็ด หรือปักชำก็ได้ อย่าลืมรดน้ำให้สม่ำเสมอ พร้อมใส่ปุ๋ยที่มีโพแทสเซียมลงไปด้วย เดือน 1 – 2 ครั้ง ก่อนเก็บผลควรงดให้น้ำ 2 สัปดาห์

11. ต้นทับทิม

ผลไม้น่าปลูกนี้เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ต้นสูงได้ประมาณ 2 – 4 เมตร เหมาะกับการนำเมล็ด 4 – 5 เมล็ดไปใส่ในหลุม แล้วกลบดินให้เรียบร้อย ซึ่งจะเหมาะกับดินเกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะ ดินทราย ดินร่วน หรือมีปนดินเหนียว หมั่นรดน้ำประจำ อาจจะใส่ปุ๋ยบำรุงบ้าง

12. ต้นมะเฟือง

เป็นต้นไม้ทรงพุ่งตั้งตรงและกึ่งเลื้อย ความสูงอยู่ที่ 5 – 12 เมตร สามารถปลูกไว้ในกระถางต้นไม้ได้ด้วย โดยจะใช้เมล็ดที่อยู่ในผลมาเพาะ ด้วยการแช่น้ำ 1 คืน แล้วนำไปใส่หลุมเอาดินกลบ จากนั้นรดน้ำให้พอดี ประมาณ 1 – 2 ปีก็สามารถเก็บผลผลิตได้แล้ว

13. ต้นมัลเบอร์รี่

หรือเรียกอีกชื่อว่าหม่อน เป็นไม้พุ่มขนาดกลางสูงประมาณ 2 – 5 เมตร เจริญเติบโตได้ทุกสภาพอากาศ ซึ่งเราสามารถปลูกแบบปักชำลงในกระถางได้ แนะนำว่าปีแรกให้ใช้ไม้มาค้ำลำต้นไว้ เพราะรากจะยังไม่แข็งแรงเท่าที่ควร ต้องรดน้ำให้ชุ่มอยู่เสมอ เพราะขาดน้ำแล้วผลจะเล็ก

14. ต้นสตรอเบอร์รี่

เฉือนเนื้อสตรอเบอร์รี่ออกมาบาง ๆ แล้วนำไปวางบนทิชชู ตากลมหรือแช่ตู้เย็นประมาณ 1 – 2 วัน แล้วลูบเอาเมล็ดออกมา จากนั้นก็เอาเมล็ดกลับไปแช่ตู้เย็นอีก 1 อาทิตย์ จากนั้นใส่ถ้วยหรือแก้ว แล้วแช่น้ำไส้จนกว่าเมล็ดจะงอก สังเกตเห็นรากบาง ๆ ก็เพาะได้เลย โดยเอาไปลงดิน แค่ 37 วันก็ออกใบแฉกแล้ว รดน้ำ ใส่ปุ๋ยสม่ำเสมอ

15. ต้นเสาวรส

เป็นผลไม้ที่ชอบดินร่วน จึงควรเอาเมล็ดที่มีจากผลไปเพาะลงหลุมทันที และต้องเป็นพื้นที่ที่มีแสงแดดจัด นำไม้มาปักให้ต้นเลื้อยไปได้ตามต้องการ จะลงแปลงหรือในกระถางได้หมด

16. ต้นเชอร์รี่หวาน

แนะนำว่าให้เพาะพันธุ์แบบตอนกิ่ง แล้วเอาไปลงหลุมจากนั้นก็กลบดินปลูก ซึ่งเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง โตไว อย่าลืมตัดแต่งกิ่งให้ดี ๆ เพื่อการเก็บเกี่ยวที่ง่าย รดน้ำวันละ 2 ครั้ง ส่วนปุ๋ยใส่เดือนละ 2 – 3 ครั้ง

17. แก้วมังกร

สำหรับแก้วมังกรจัดอยู่ในวงศ์เดียวกับต้นกระบองเพชร สามารถนำต้นกล้าที่หาซื้อได้ตามร้านไปลงปลูกได้ทันทีในดินร่วนปนทราย รับแสงแดดได้ตลอดวัน ระบายน้ำได้ดีไม่ชื้นแฉะท่วมขังไม่อย่างนั้นรากเน่าตายได้ ทั้งยังต้องใช้ไม้มาค้ำไว้ให้ต้นได้เลื้อยผ่านด้วย

18. ต้นมะละกอ

เป็นผลไม้ที่มีลำต้นสูงประมาณ 5 เมตร ด้วยการนำเมล็ดที่ได้จากผลใส่ลงในหลุมประมาณ 4 – 10 เมล็ด จากนั้นก็เอาดินกลบแล้วรดน้ำให้เกิดต้นกล้าขึ้นมา ไม่ควรปลูกในพื้นที่ที่ระบายน้ำยาก เพราะจะทำให้รากเน่าได้ ต้องโดนแสงแดดตลอดวันด้วย

19. ต้นส้มจี๊ด

เป็นไม้พุ่มที่มีความสูง 3 – 5 เมตร ให้นำต้นกล้าที่ปักชำไปลงในดินลักษณะร่วนชุ่มชื้น กลบให้เรียบร้อย จากนั้นก็รดน้ำทุกวัน ใส่ปุ๋ยเดือนละ 1 – 2 ครั้ง ในพื้นที่ที่มีแดดทั่วถึง 2 – 4 เดือนออกดอก จากนั้น 1 – 2 เดือนออกผล

20. ต้นเมลอน

สุดท้ายเป็นต้นเมลอนที่มีอายุสั้น ให้ผล 1 ครั้งตายทันที วิธีการให้ปลูกโดยการนำเมล็ดไปใส่ในดินร่วนหน้าลึก ที่ระบายน้ำได้ดี แล้วรดน้ำวันละ 1 ครั้ง ซึ่งเมลอนเป็นไม้เลื้อย เราจะปล่อยให้เลื้อยไปตามพื้น หรือทำที่ค้างให้ก็ได้

และทั้งหมดนี้ก็เป็นผลไม้น่าปลูกที่เราได้รวบรวมมาแนะนำ แต่ละต้นน่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่บางต้นก็ให้ร่มเงาบังแสงแดดกับบ้านไปอีก และแม้ว่าจะต้องใช้ระยะเวลาแต่เมื่อผลออกก็นับว่าคุ้มค่า เหมาะกับการทำกิจกรรมในช่วงที่ต้องอยู่บ้านอย่างแท้จริง